
ว่าที่ประธานบริษัทต้องรู้ อยากเปิดบริษัทมีค่าใช้จ่ายจำเป็นอะไรบ้าง
การเปิดบริษัทหรือมีธุรกิจส่วนตัว เป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลาย ๆ คน แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเตรียมกาลล่วงหน้าคือการวางแผนจัดการ การบริหาร และเงินทุน เรามาดูกันว่าการจะเปิดบริษัททีนึง จะต้องมีค่าใช้จ่ายจำเป็นอะไรกันบ้าง
-
ค่าจดทะเบียน “จัดตั้งบริษัท” 10,000 – 15,000 บาท (สำหรับทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท)
เป็นจ่ายเพียง 1 ครั้ง ตอนจดจัดตั้งบริษัท โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะรวม ค่าธรรมเนียม ค่าจดทะเบียนบริษัท ค่าเอกสารต่าง ๆ ค่าดำเนินงานสำหรับการจดทะเบียน ซึ่งจะจ่ายให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และอีกส่วนจะเป็นค่าจ้างจดทะเบียนบริษัท แต่ว่าถ้าเจ้าของที่เป็นคนไปดำเนินการจดทะเบียนบริษัทเองอาจจะมีค่าใช้จ่ายไม่ถึง 15,000 บาท เพราะจะลดในส่วนของค่าจ้างจดทะเบียนบริษัทลงไป
-
ค่าเช่าสำนักงาน ประมาณ ตารางเมตรละ 300 – 1000 บาท (ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งที่เลือก)
ในการทำบริษัทแน่นอนว่าต้องมีที่ตั้งของสำนักงาน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายจำเป็นทุกเดือน โดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจะขึ้นอยู่กับทั้งขนาดพื้นที่ ทำเลที่ตั้ง และความสามารถในการต่อรอง
-
ค่าใช้จ่ายภายในบริษัท ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายย่อยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จำเป็น ตั้งแต่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าแม่บ้านทำความสะอาด และยังรวมถึงค่าอุปกรณ์สำนักงานที่จำเป็นต่าง ๆ เครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ เป็นต้น และยังรวมถึงค่า Tool พื้นที่จับเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่บริษัทต้องลงทุนในการทำงานร่วมกัน
-
เงินเดือนของพนักงานบริษัท : เริ่มต้นคนละประมาณ 15,000 – 25,000 บาท
ค่าใช้จ่ายในการวางจ้างพนักงานของบริษัทในแต่ละเดือน เป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นที่ต้องจ่ายทุกเดือน และหากมีการขึ้นทะเบียนประกันสังคมให้พนักงานก็ต้องจ่ายเงินค่าประกันสังคมให้พนักงานด้วยเช่นกัน ซึ่งแปรผันตามจำนวนพนักงานในบริษัท
-
ค่าจ้างทำบัญชี รายเดือนประมาณ 2,000 – 7,000 บาท
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของเอกสาร หรือในกรณีที่เปิดบริษัทแล้วไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็ต้องยื่นงบเปล่าซึ่งเป็นงบทางการเงิน เรียกว่า ค่าจ้างปิดงบเปล่าประมาณ 10,000 – 15,000 บาท
-
ภาษี ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วแน่นอนว่าการจ่ายภาษีคือสิ่งที่คุณไม่สามารถเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภงด.), ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ภาษีเงินได้, ภาษีที่ดิน, ภาษีป้าย, ภาษีอากรแสตมป์ ภาษีสรรพสามิต และอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและรูปแบบของแต่ละบริษัทที่มีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป
-
ต้นทุนของธุรกิจหรือบริการ
ซึ่งแต่ละธุรกิจก็มีต้นทุนที่ต่างกันไปในแต่ละด้าน โดยควรคิดต้นทุนเอาไว้สำหรับการกำหนดราคาของสินค้าหรือบริการเพื่อที่จะได้กำไรในการดำเนินธุรกิจต่อไป
ค่าใช้จ่ายข้างต้นเป็นเพียงภาพรวมให้เห็นภาพการใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในรูปบริษัทเพียงเท่านั้น ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของบริษัท นอกจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้แล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “เงินสำรองหมุนเวียน” ที่เจ้าของบริษัทต้องมีไว้สำหรับการดำเนินกิจการ สามารถนำมาใช้ได้ในยามฉุกเฉินโดยไม่ต้องใช้เงินจากกระเป๋าส่วนตัวมาปะปนกับกระเป๋าเงินส่วนของธุรกิจ ซึ่งเจ้าของบริษัทก็สามารถขอสินเชื่อบุคคลธรรมดาได้ เพื่อนำไว้ใช้เป็นเงินสำรองหมุนเวียน เพียงมีการวางแผนการจัดการให้ดี ความสำเร็จมั่งคั่งของทั้งบริษัทและเจ้าของบริษัทก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.smecourses.com/