
วางแผนการตลาดยังไงให้ขายดีกว่า 10 ปี และขึ้นแท่นเป็นของฝากกรุงเทพ กับโมเดลร้านโดนัทเจ้าดัง
คริสปี้ครีม (Krispy Kreme) โดนัทชื่อดังที่คงคุ้นหูกันทุกคน รสชาติอร่อยติดใจ นำเข้าจากต่างประเทศ ที่ได้เคยสร้างปรากฎการณ์ในช่วงตอนเปิดใหม่ ที่ทำให้คนจำนวนมากต่อคิวยาว หลายชั่วโมงเพื่อรอซื้อโดนัทเจ้านี้ ซึ่งจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาร่วมสิบปีแล้วที่แบรนด์โดนัทเจ้านี้ ยังคงได้รับความนิยมเรื่อย ๆ มา จนปัจจุบันนี้ได้กลายเป็น ของฝากจากกรุงเทพมหานคร ใครที่ไปที่สนามบินจะได้พบกับภาพผู้โดยสารส่วนใหญ่เดินถือกล่องโดนัทคริสปี้ครีมกลับไปฝากคนที่ต่างจังหวัดกันมากมาย และก็ดังมากถึงขั้นที่มีคนรับซื้อ ฝากหิ้วกันทีเดียว
แล้วทำไมคริสปี้ครีมถึงขึ้นแท่นเป็น ‘ของฝากที่พลาดไม่ได้แห่งกรุงเทพฯ’ ได้ อะไรคือเหตุผลที่ทำให้โดนัทเจ้านี้กลายเป็นของฝากยอดฮิตกลับบ้านต่างจังหวัดกัน
-
ด้วยการที่โดนัทเจ้านี้ไม่ค่อยมีสาขามากมายเท่ากับโดนัทเจ้าอื่น ๆ แถมสาขาที่มีส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ใน ‘กรุงเทพฯ’ โดยปัจจุบันก็มีเพียงแค่ 52 สาขา
-
ความมีสาขาน้อยได้กลายมาเป็น ‘จุดแข็ง’ ชูให้แบรนด์คริสปี้ครีมขึ้นมาเด่น เมื่อสาขามีน้อยของในตลาดก็น้อยตาม การจะหาซื้อก็ยากขึ้น ดังนั้นคริสปี้ครีมจึงกลายเป็นเหมือน ‘ไอเท็มหายาก (Rare item)’ สำหรับหลายคน
-
สถานการณ์นี้ก็คล้ายกับ ‘กลยุทธ์การตลาดแบบขาดแคลน (Scarcity marketing)’ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า คนเรามักไม่สนใจสิ่งของ สินค้า หรือบริการที่มากมาย แต่มักจะโหยหา ต้องการใน ‘สิ่งที่ขาดแคลน’ หรือที่เราเรียกกันว่า “Scarcity Effect”
-
และสิ่งของที่หายากมักจะได้รับความสนใจ มีคุณค่า และเป็นที่ต้องการในตลาดมากกว่า
-
และด้วยสถานที่ตั้งของสาขาบางแห่งที่ตั้งอยู่ในสนามบินอันดับต้น ๆ ของไทย ทั้งสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ และสถานที่ตั้งสาขาอื่นก็ล้วนเป็นทำเลทอง ในห้างดังต่าง ๆ ในกทม.
-
ความสะดวกในการซื้อที่ซื้อเสร็จก็เดินขึ้นเครื่องได้ทันที ไม่ต้องหิ้วของฝากจากที่อื่นมาให้วุ่นวาย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงกลายมาเป็นการที่โดนัทเจ้าดัง คริสปี้ครีม ขึ้นแท่นกลายเป็นของฝากที่พลาดไม่ได้ของกรุงเทพมหานคร และดำเนินกิจการมากว่า 10 ปี และยังคงขายดี ยอดฮิต เป็นโดนัทที่หลายคนต้องลิ้มลอง
.
.
ข้อมูลจาก : https://krispykreme.co.th/news-and-activities/